จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

“จริยธรรมของสื่อมวลชนกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปีพ.ศ.2553และการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป 3 กค.2554 : กรณีศึกษาการเสนอข่าวของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ช่อง3 Nation TV, Spring News, INN และ TNN24”


จริยธรรมของสื่อมวลชนกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปีพ.ศ.2553และการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป 3 กค.2554 : กรณีศึกษาการเสนอข่าวของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ช่อง3 Nation TV,  Spring News, INN และ TNN24”

โดย นางสาว ปิ่นมยุรฉัตร ศรีวัฒนสาร
นักศึกษาภาควิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล
คณะนิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ลำดับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อแดงพ.ศ.2553
ข่าวการปะทะที่สี่แยกคอกวัว
9เมย53 เปรียบเทียบการรายงานข่าวการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับนปช.
-สำนักข่าว INN(รายงานตรงไปตรงมาใคร อะไร ที่ไหน อย่างไร) กับ Nation TV (ไม่เป็นกลาง ใส่อารมณ์ของคนอ่านข่าวไปด้วย)
10เมย.53 สื่อ Nation TVวิจารณ์ว่า ม็อบนปช.กับทหารจับมือกันหลังการปะทะที่ลาดหลุมแก้ว แสดงถึงความอ่อนแอ ใส่เกียร์ว่างของทหาร ทำงานไม่เต็มที่ แทนที่จะพูดถึงการมีน้ำใจนักกีฬาของทั้งสองฝ่าย เมื่อห้ำหั่นกันไม่ลงก็จับมือให้เกียรติกัน ไม่งั้นจะกลายเป็นการไม่ให้เกียรติ ต้องเอาคืนขาดวุฒิภาวะเหมือนนักเรียนช่างกล

11เมย.53 จอมขวัญ หลาวเพ็ชร ออกตัวเสนอภาพรถหุ้มเกราะ7-8 คัน ไม่ต้องการยั่วยุ  ต้องเสนอภาพหลายด้านเพื่อความเป็นกลาง  มีการปะทะที่สี่แยกคอกวัว มีการยิงปืนนานาชนิดใส่กันทั้งสองฝ่าย และมีการยิงM79 และขว้าง M26 ด้วย

          เหตุการณ์ดังกล่าว กนก รัตน์วงศ์สกุล และธีระ ธัญไพบูลย์ รายการเก็บตกจากเนชั่น (Nation TV )พูดในรายการว่า ทหารไม่คิดว่าประชาชนจะมีอาวุธ ทำได้ยังไง ยิงM79 ทหารก็เป็นคนบ้านเดียวกับท่าน ทำได้ไง โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองคนไม่ได้พูดว่าอะไรขณะที่ฝ่ายทหาร ยิงกระสุนยาง ขว้างแก๊สน้ำตา เตะ ถีบ ล้มเต็นท์ทำลายข้าวของของฝ่ายผู้ชุมนุม พระห้ามก็ไม่ฟัง

15 เมย.53  ธีระ ธัญไพบูลย์ Nation TV อ่านข้อความจากนิพิธ อินทรสมบัติ ว่า แกนนำนปช.ได้เงินจากผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล หลายร้อยล้านบาท เพื่อให้ออกไปจากสี่แยกคอกวัว  โดยอ้างคำพูดของจตุพร พรหมพันธุ์ที่ว่า ชีวิตสำคัญกว่าเงิน แล้ววิจารณ์ว่า ถ้าชีวิตสำคัญกว่าเงินแล้วจตุพรมีปัญญาจ่ายค่าเสียหายวันละ 150ล้านบาทหรือไม่

27เมย.53  Nation TV  กนก รัตน์วงศ์สกุล และธีระ ธัญไพบูลย์) อ้างว่ามีMailยุให้ฉีดอุจจาระใส่ผู้ชุมนุมนปช.ที่แยกคอกวัว  นายกนก รัตน์วงศ์สกุลเสริมว่า ถ้าฉีดอุจจาระใส่แล้วไม่เลิกชุมนุมก็ให้อยู่กับ สิ่งนั้น ไป ส่วนนายธีระ แย้งว่า ถ้าเขายึดสายฉีดอุจจาระไปได้แล้วฉีดกลับจะทำอย่างไร วิธีนี้เก็บเอาไว้ก่อน ปรากฏว่ามีMailบ่นว่าส้วมของ นปช. เหม็นปัสสาวะมาก

29 เมย.54  Mail ว่อนในInternet ระบุว่า พตท.ทักษิณ ชินวัตร ป่วยเป็นมะเร็งขั้น3และช็อคขณะให้คลีโม

5พค.53 นปช.จัดเวทีเฉลิมพระเกียรติ วันฉัตรมงคล
กนก รัตน์วงศ์สกุลและธีระ ธัญไพบูลย์ เนชั่นทีวีบอกว่า ถ้าทำพิธีฉัตรมงคลแล้วประกาศเลิกชุมนุมก็สวย แต่หนังสือพิมพ์บางฉบับบอกว่า แดงเขิน หาทางลง

กนก-ธีระ บอกว่า คนเสื้อแดงบอกว่า รัฐบาลน่าจะประกาศวันยุบสภา แต่ตัวสั่นพั่บๆเขินๆ อยากเลิกชุมนุม แกนนำแดงควรมอบตัว ผู้ชุมนุมควรกลับบ้าน สังคมจะมีปัญหาเยอะ บางคนมารอบ2แล้ว

กนก บอกว่า เมษาหน้ามาใหม่ คราวที่แล้ว ยิงมัสยิด เผารถเมล์ อย่ามานะโว้ย ใครจะรับประกันว่า ปีหน้าจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน
(17พค.53 สื่อหลายสำนัก เสนอว่านปช.ควรเลิกชุมนุม ในทางตรงกันข้าม แทบจะไม่มีสื่อสำนักใดเลยที่เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลปราบปรามประชาชน หรือ ขอให้รัฐบาลยุบสภา)
19พค.53 เริ่มสลายผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์

กลางคืน 20พค.53 MV TV  จัตุรัสการเมือง   บางกอกทูเดย์  เผด็จ ภูริปฏิภาณ ทำรายการเพื่อยุติการทำสื่อที่มุ่งร้ายทำลายความเป็นกลาง ยั่วยุ แสดงความเป็นอริกับอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้ง สื่อไม่มีสิทธิ์แสดงความเป็นปฏิปักษ์กับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างโจ่งแจ้ง

20พค.53 รายการ Daily Dose  20.00 น. มล.ณัฐฐากรณ์ เทวกุล ผู้ดำเนินรายการ มาแปลกกว่าทุกกรณีรัฐบาล ปล่อยให้มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องของคนเสื้อแดง วัน กล่าวว่า รัฐบาลเอาสถานการณ์ไม่อยู่ เพราะไม่ใช้ความเด็ดขาดในการปราบปรามผู้ชุมนุม หากเป็นที่อเมริกา เขาจะไม่เจรจา และจะปราบอย่างรุนแรง  มล.ณัฐฐกรณ์ คงลืมไปว่า ประเทสไทยไม่ใช่สหรัฐอเมริกา และถ้ารัฐบาลใช้มาตรการรุนแรง ผู้ชุมนุมจะตายมากกว่านี้


การเลือกตั้งทั่วไป 3 กค. 2553
จริยธรรมของสื่อมวลชน

-การค้นหาความจริงมารายงานข่าวทำให้มองข้ามผลประโยชน์ด้านการรักษาความลับทางทหารของกองทัพ(15กพ.54)
ระหว่างการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จ.ศรีสะเกษ  มีทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เข้าไปนอนค้างกับชาวบ้านโดนอาว ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์   ซึ่งห่างจากชายแดนบริเวณบ้านภูมิซรอลประมาณ 10 กิโลเมตร

คนอ่านข่าวชาย-หญิง ของ Nation TV สัมภาษณ์ ผู้ว่าฯ ว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร ผู้ว่าฯตอบว่า ไม่มีอะไร ทุกอย่างสงบ แต่คนอ่านข่าวหญิงวิจารณ์ว่า  ผู้ว่าฯนอนห่างจากชายแดน 10 กิโลเมตร ไม่รู้สึกอะไร แต่ชาวบ้านตกใจ  การวิจารณ์เช่นนี้ทำราวกับต้องการจะต้อนให้ผู้ว่าฯตอบว่า สถานการณ์ที่นั่นมันน่ากลัวมาก! ”ให้ได้

ความผิดพลาดของผู้สื่อข่าวเรื่องข้อมูล
ภาสกร โตหอมบุตร Nation TV  เรียกที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์เป็น  ศาลากลางอำเภอ
การแสดงความคิดเห็นคาบลูกคาบดอกแบบไม่ตั้งใจ
ความวุ่นวายเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี ของลิเบีย และความไม่สงบเป็นระลอกคลื่นคล้ายทฤษฎีโดมิโนในอียิปต์และตะวันออกกลาง ซึ่งเริ่มต้นประมาณกุมภาพันธ์ 2554 ทำให้ โจจิรัฎฐ์ อินทวิทูร คนอ่านข่าวSpring News(19 กพ. 2554)  ตั้งคำถามขึ้นมาลอยๆ ว่า แล้วทำไมบ้านเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ได้

(วิจารณ์:  บ้านเมืองในแอฟริกาและตะวันออกกลางเป็นสังคมปิด แต่ไทยเป็นสังคมเปิด เงื่อนไขจึงต่างกัน)

สื่อมวลชนแสดงอารมณ์ชี้นำสังคม
7.30น. Nation TV. 17มิย.54
-เสนอภาพข่าวการหนีบแขวนลูกสุนัขไว้บนราวตากผ้า ผู้อ่านข่าวหลุดปากออกมาว่า แม่งโหดร้าย
-อีกภาพหนึ่งเป็นภาพหญิงจีนกำลังย่างลูกสุนัขขายสดๆ ท่ามกลางลูกค้าที่ยืนคอยซื้อ คนอ่านข่าวก็พูดว่าโหดร้าย
(วิจารณ์ กรณีนี้ต้องอธิบายให้ผู้ชมทราบถึงวัฒนธรรมพื้นเมืองของแต่ละชนชาติว่า  แตกต่างจากชาวตะวันตกและชาวไทยภาคกลาง  คนจีนกินแมว งู หมา ตะขาบ สมองลิงฯลฯ โดยถือว่าเป็นยาบำรุง)

สื่อมวลชนนึกว่าตนเองเป็นPop star
7.2 น. 17 มิย. 54  สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เสนอข่าวกกต.จังหวัดหนึ่งทำPR ให้คนตื่นตัวไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วยการจ้างสาวโคโยตี้ นุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อยืดรัดอกเต้นบนเวที สรยุทธ์จงใจยกมือทำท่าทางเต้นเลียนแบบโคโยตี้ พอภาพปรากฏออกมาในจอก็บอกว่า ลืมตัว

รายการข่าวของสรยุทธ์ ช่อง3
แบ่งออกเป็นช่วงๆ ช่วงแจกเสื้อ ช่วงข่าวอาชญากรรม ช่วงข่าวการเมือง
ภาษาที่สรยุทธ์ สุทัศนะจินดาใช้บ่อย
 เช่น..........คุ้นชิน แทนคำว่า คุ้นเคย 
          สื่อสารมวลชน แทคำว่าน สื่อมวลชน
          สุ่มเสี่ยง แทนคำว่า เสี่ยง 
          ตรวจสอบ
          ไล่เรียง
          น้ำก้อนใหญ่
การวิจารณ์เนื้อข่าวของสรยุทธ์ประเด็นการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ(17มิย.54)
-ประเด็นการหาเสียงเพื่อจุดกระแสต้านความร้อนแรงเรื่องคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยซึ่งมีแนวโน้มว่า กำลังพุ่งแรง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ปราศรัยเพื่อปลุกกระแสขวางคนเผาบ้านเผาเมืองขึ้นมามีอำนาจ  สรยุทธ์ได้กล่าววิจารณ์เพิ่มเติมว่า ฝ่ายตรงข้ามใช้กลยุทธ์ดิบ ถ่อย เถื่อน และมันมีคำอธิบาย(แก้ตัว)ได้ตลอด ดังนั้นคุณอภิสิทธิ์ต้องไม่ให้คนเผาบ้านเผาเมืองเข้ามามีอำนาจ หลังจากพม่าเผาบ้านเผาเมืองมาแล้วสองครั้ง ผมไม่คิดว่าจะเห็นคนไทยเผากันเอง เราต้องหาความจริง  และเพิ่มเติมว่า  คุณอภิสิทธิ์ใช้ลีลาดุดันที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
(วิจารณ์: แต่จากการที่ได้ดูภาพข่าวแล้วไม่ปรากฏว่าจะมีลีลาดุดันอย่างที่สรยุทธ์ว่าเลย )

ในช่วงที่มีรายงานข่าวการหาเสียงเหตุการณ์เดียวกับในข่าวของนายสรยุทธ์  ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ช่องNation TV รายงานว่า มีผู้ฟังจำนวนหนึ่งหนีฝน ช่องSpring News รายงานว่า มีคนฟังจำนวนมากโดยไม่ได้หนีไปไหนแม้ว่าฝนจะตกหนัก

กรณีภาพตัดต่อของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยถูกอดีตนักร้องแกนนำเสื้อแดงโอบว่อนในInternet (17 มิย.54 )

ภาพในFBที่เผยแพร่มีเฉพาะภาพของนางสาวยิ่งลักษณ์คล้ายคนเมาแล้วถูกนายอริสมันตร์ พงศ์เรืองรองรุนหลังราวกับมีการใช้กำลังรุน-ดันให้เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน อย่างน่าตกใจและมีคำบรรยายในFBว่าใครอยากโอบกอดว่าที่นายกฯหญิงบ้าง   

ปรากฏว่า 2-3วันต่อมาหนังสือพิมพ์มติชน ลงภาพใหญ่มีคนอยู่ในภาพประมาณ 5 คน รวมทั้งดาราสาว กบ สุวนันท์ คงยิ่งอยู่ในภาพด้วย  กรณีนี้Nation TVได้อธิบายข้อเท็จจริงในภาพอย่างชัดเจนในรายงานข่าวเช้าตั้งแต่ประมาณ 7 .00 น. โดยนางสาวยิ่งลักษณ์เองก็ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นงานเลี้ยงของพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่ มีคนอยู่หลายคน เป็นการรุนหลังออกไปเต้นรำ ตนเองไม่อยากเต้น แต่รายการข่าวเช้าของสรยุทธ์เพิ่งจะแก้ข่าวเมื่อประมาณ 8.00น. ทั้งๆ ที่ข่าวดังกล่าวเป็นหัวข้อที่สังคมสนใจ(Talk of the Town)”

เวลาต่อมาในวันเดียวกันนั้น มีการเสนอภาพข่าวสุนัขพันธ์ลาบาดอร์ขย้ำใบหน้าเด็กน้อย พอ น้องไบรท์ คนอ่านข่าวคู่ของสรยุทธ์บอกกับผู้ชมทางบ้านว่า .ต้องเย็บถึง 20 เข็ม สุรยุทธ์ก็รีบรับลูกร้อง โอ้โฮ้เพิ่มองศาแห่งความรู้สึกสยดสยองหวาดเสียวให้กับผู้ชมทันที พอจบข่าวดังกล่าวก็ตบท้ายด้วยเสียงถอนใจว่า เฮ้อ!”อย่างเป็นงาน

ข่าว  พญ.  หทัยพร อิ่มวิทยา(หมอมุก) ถูกทหารขับรถพุ่งชนได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้าICU (27มิย.54) กับการแสดงออกแบบOver Actionของคนอ่านข่าว
วันนี้ร่างกายหมอมุกตอบสนอง สรยุทธ์มุ่งจะบอกผู้ชมว่า เหมือนมีปาฏิหาริย์เพราะคนดีผีคุ้ม หรือ คนดีอย่างหมอมุกมีปาฏิหาริย์แบบไม่น่าเชื่อ  แต่สรยุทธ์กลับใช้คำพูดว่า ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาดีใจและต่างก็ภาวนาให้หมอมุกรอดตาย มองอีกด้านหนึ่งสงสัยว่าสรยุทธ์จะคิดว่า ดูสภาพแล้ว หมอคงไม่รอดอยู่คนเดียวมั๊ง

การออกเสียงคำศัพท์ภาษาต่างประเทศไม่ถูกต้อง
กนก รัตน์วงศ์สกุล ช่อง Nation TV รายงานข่าวน้ำท่วมริมเมย เรียกพื้นที่ไม่มีเจ้าของว่า โนแมนแลนด์ ควรออกเสียงว่า โน แมนส แลนด์-No man’s Land”

ชื่นชมสรยุทธ์(29มิย.54)
ข่าวนายอภิสิทธิ์ไปเยี่ยม นายกมล จิระพันธ์วาณิช บิดา นายกเทศมนตรีเมืองลพบุรีซึ่งถูกลอบยิงตาย จากนั้นก็เดินทางไปหาเสียงที่โลตัส ลพบุรี ปรากฏว่าพอปราศรัยไประยะหนึ่งเกิดลมกรรโชก แล้วจึงมีฝนตกลงมาอย่างรุนแรง ทำให้ป้ายกระพือเปิดเปิง เก้าอี้ล้มระเนนระนาด ทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ต้องรีบเก็บป้าย เก็บเก้าอี้ 
- เวลา 7.10  สำนักข่าว TNN24  ห้องข่าวเช้านี้   รายงานเนื้อความข่าวครบถ้วน แต่ไม่มีภาพข่าว  ผู้อ่านข่าวรายงานคำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ตอนฝนตกหนักว่า ของเขาแรงจริงๆอาจตีความได้ว่า อยากจะป้ายสี พรรคฝ่ายตรงข้ามว่า เล่นของ จึงทำให้ฝนตก หรือ แค่พูดแก้เกี้ยวเพราะไม่สามารถปราศัยจนจบได้
-Spring News ไม่รายงานข่าวตอนฝนตก
-รายการข่าวเช้าของสรยุทธ์ รายงานครบถ้วนทั้งเสียงและภาพข่าวซึ่งช่องอื่นไม่มี ดังนี้
          1.คะแนนเสียงที่เลือกประชาธิปัตย์ เป็นคะแนนที่ปฏิเสธความรุนแรง  ซึ่งอาจวิจารณ์ในที่นี้ได้ว่า เป็นการพูดแบบแบ่งแยกประชาชน
          2.เราทำการเมืองแบบมาตรฐาน แบบประเทศประชาธิปไตย ถ้าเลือกทักษิณก็ต้องล้างความผิดให้ทักษิณ  ถ้าอย่างนั้นใครอยู่ในคุกก็ต้องปล่อยให้หมด  (ประโยคนี้เป็นการพูดคาดการณ์เชิงบิดเบือนเจตนารมณ์ของฝ่ายตรงข้าม) ต้องสนับสนุนการไม่ล้างความผิด เดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกันเมื่อลมกรรโชกมาแรง นายอภิสิทธิ์ก็ยังใช้ปรากฏการณ์ดังกล่าวมาปราศรัยด้วยว่า นี่ละครับ พอผมบอกว่า จะล้างความผิดให้ทักษิณ  ฟ้าก็เลยรับรู้  จากนั้นพอฝนตกห่าใหญ่ อภิสิทธิ์ก็พูดอีกว่า ของเขาแรงจริงๆ. ก่อนจะรีบลงจากเวทีไปหลบฝนทั้งๆที่ยังปราศรัยไม่จบ

ตัวอย่างสาระที่สะท้อนจากสื่อต่างๆ
-Spring News
2 กรกฎาคม 2011 เวลา 11:05 น.
สุวัจน์ ลิปตะพัลลภ ราชสีห์การเมืองอีสานพูดเมื่อวานนี้ว่า  เราต้องขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า รักษาระบอบรัฐสภา เราได้ 50 ประเทศได้100 เราต้องเสียสละ รัฐบาลอย่าแจกของร้อน ให้แจกของเย็น เวลาฝายค้านพูด รัฐบาลอย่าเดินหนี ฝ่ายค้านก็อย่าค้านทุกเรื่อง หรือเฝ้าตีรวนนับองค์ประชุม ถ้า2 ขั้วจับมือกัน พรรคเล็กก็งอแงเล่นตัวไม่ได้ ถ้า 2 พรรคใหญ่ตกลงกันไม่ได้ พรรคเล็กก็เล่นแง่ ยกมือ ตีรวน พรรคเล็กพรรคน้อยพอเข้าร่วมรัฐบาลก็อย่าบอกว่าผมขอเหมือนเดิมนะ รัฐมนตรีไม่ดีจะเปลี่ยนกี่ครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร จะได้หาคนดีที่สุดมาทำงานให้ประชาชน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในวงการเมืองไทย ไม่ต้องทำสัตยาบันหรอกเพราะถึงยังไงคนก็ไม่เฃื่อถืออยู่แล้ว เลือกตั้งเสร็จ แต่ละพรรคก็มีเงื่อนไขน้อยๆหน่อย พรรคอันดับหนึ่งได้คะแนนสูงก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว ร้านอาหารคนเข้าคิวรอเยอะ ถ้ารัฐบาลจะอายุสั้น เป็นมะเร็งเสียก่อนก็ขอให้ตายหลังพค. 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเลขที่111 เกิดใหม่ คนพวกนี้เป็นassetของประเทศ มีมีอะไรทำให้ต้องยุบสภาขอให้ยุบในช่วงนั้น การเมืองจะมีตัวแปรใหม่ๆ หวยจะได้ไม่ล็อค! (ถ้าพูดก่อนหน้านี้สักสิบปีและรักษามาตรฐานการพูดอย่างนี้มาอย่างคงเส้นคงวา ท่านคงได้เป็นถึงรัฐบุรุษทางการเมือง)
การแสดงจริยธรรมเรื่องความเป็นกลางที่สะท้อนมาจากสื่อนอก
ท่ามกลางกระแสสื่อเลือกข้างแบบอีแอบบ้าง แบบโจ่งแจ้งบ้าง สื่อมวลชนจากต่างประเทศสะท้อนความเป็นกลางระดับหนึ่งดังนี้
29มิย.54 ทีวีช่องหนึ่ง กล่าวถึงบทวิเคราะห์การเมืองไทยในนิตยสารTimes โดย มาร์แชลฯ มีใจความว่า  อภิสิทธิ์ถีบตัวออกมาจากคนรากหญ้า  เศรษฐกิจไทยเติบโตกว่า15ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไม่หวาดกลัวเหตุการณ์นองเลือดในประเทศไทย

ทีวีช่องดังกล่าวระบุถึงบทความของจอห์น คริสปิน(John Crispin) ในนิตยสาร Times Asia ว่า กองทัพและทักษิณเจรจากันหลายครั้ง ดังนั้นจะไม่เกิดความรุนแรงหลังเลือกตั้ง แลกกับการไม่แก้แค้นทางการเมืองและการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกองทัพ จะมีการตั้งคณะกรรมการปรองดองอิสระ เพื่อพิจารณาการนิรโทษกรรมทั้ง3ส่วนโดยมีนายสุรเกียรติ เสถียรไทยเป็นประธาน

Nation TV
(1กค.54)
รายการอ่านข่าวของ นายกนก รัตน์วงศ์สกุลและนายธีระ ธัญไพบูลย์ ชี้แนะผู้ชมว่า อย่าเลือกคนเผาบ้านเผาเมือง อย่าเลือกคนแค้นเคืองสถาบัน และกรณีการขึ้นป้าย Vote No ของพรรคเพื่อฟ้าดิน(เสื้อเหลือง) ที่ทำสัญลักษณ์อย่าเลือกเสือสิงห์กระทิงแรดเข้าสภา นายกนกกล่าวว่า ไม่สมควรที่จะมีพรรคไหนไปร้อง ถ้าไปร้องก็แสดงว่าคุณเกี่ยวด้วยหรือ ส่วนนายธีระ (คิ้วดก)รับลูกว่า ไม่มีการระบุชื่อพรรค ไม่เห็นจะทำให้ใครเดือดร้อน เขาเสียเงินขึ้นป้าย เขาก็จ่ายเงินของเขาไป นายกนกพูดว่า สื่อต่างๆเลือกข้างและเลือกพรรคชัดเจน
(วิจารณ์: บ้านเมืองจะไม่สงบ ถ้าสื่อไม่เป็นกลาง สื่อเลือกข้างเพราะผลประโยชน์ เช่น รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อนุมัติให้สื่อเครือNation TV เข้าไปทำรายการข่าวในช่อง11(เก่า) รวมถึงการสยายปีกเข้าไปรับเหมาทำข่าวให้กับTVช่องต่างๆอย่างกว้างขวาง)

สื่อเป็นกลางบางโอกาส
2กค.54
ก๊วนข่าวเช้าวันหยุด  ช่อง 3 โดย กฤษณะ ละไลและสุขุม นวลสกุล
กฤษณะ ละไล หลุดปากกระทบ เรื่อง ลักษณะ2มาตรฐานของการเมืองไทย แบบไม่ตั้งใจว่า ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ตอนปราศรัยที่กทม.ฝนตก แต่การปราศรัยของพรรคภูมิใจไทยที่กาฬสินธุ์ฝนกลับไม่ตก ขนาดเทวดายัง 2 มาตรฐานเลย
16กค54
ก๊วนข่าวเช้าวันหยุด  ช่อง3 อ่านพาดหัวข่าว ปชปงจ่อฟ้องยุบพรรคเพื่อไทย กรณีหาเสียงด้วยนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ300บาท หลอกลวงประชาชน  อ.สุขุม นวลสกุล วิจารณ์ว่า เขายังไม่ทันแถลงนโยบายรัฐบาลเลยว่าจะเอาหรือไม่เอาอย่างไร จะข้ามขั้นตอนฟ้องเสียก่อนแล้ว

3กค54 สื่อไม่เป็นกลาง
เวลา 22.30 น.  จอมขวัญ หลาวเพ็ชรและบรรจงฯ ขอสัมภาษณ์นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทันทีทางโทรศัพท์หลังการแถลงข่าวประกาศชัยชนะการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย โดยพยายามถามแหย่นางสาวยิ่งลักษณ์โดยบางครั้งก็ใช้สีหน้าแบบทีเล่นทีจริง บางครั้งก็ตีหน้าทะเล้นและบางครั้งก็ทำสีหน้าประจบประแจง ดูแล้วเหมือนไม่ให้เกียรติผู้ให้สัมภาษณ์เท่าที่ควร  ดังนี้
          จอมขวัญ- เรื่อง อธิบดีกรมสืบสวนคดีพิเศษ(DSI) จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
          นางสาวยิ่งลักษณ์- การเมืองไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม
          จอมขวัญ- จะมีการขอพบผู้บัญชาการทหารบก
          นางสาวยิ่งลักษณ์-ถ้ามีทางใดจะพัฒนาประเทศไทยได้ก็ต้องมีการคุยกัน
          จอมขวัญ- ในฐานะผู้บังคับบัญชาหรือ
          นางสาวยิ่งลักษณ์- ใช่ และพร้อมรับการตรวจสอบภายใต้กติกาที่เป็นธรรม

4กค.54
-รายการเรื่องเล่าเช้านี้ของสรยุทธ์ตกแต่งฉากหลังวันเลือกตั้งเป็นโทนสีฟ้า พิธีกรผู้อ่านทั้งหมดก็ใส่เสื้อยืดสีฟ้า แจกเสื้อยืดสีฟ้าสำหรับผู้ที่โทรศัพท์เข้าไปร่วมรายการ  เหมือนเป็นนัยว่า สื่อช่องนี้เลือกข้างใด  แต่เมื่อสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาและฐปนีย์ เอียดศรีชัย นำภาพข่าวการสัมภาษณ์นางสาวยิ่งลักษณ์หลังการประกาศชัยชนะมาออกอากาศในตอนเช้าอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าการสัมภาษณ์นั้นกลับมีลักษณะแบบให้เกียรตินางสาวยิ่งลักษณ์มากกว่าช่องเนชั่นทีวี แม้ว่าจะสัมภาษณ์ในเวลาใกล้เคียงกันก็ตาม
            คำถาม
          -เคยคิดไหมว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี( ตอบ ไม่เคยคิด ทำงานด้วยหัวใจ)
          -จะบอกน้องไปป์ยังไง(ตอบตอนนี้จะอยู่กับลูกต่อไป และจะชดเชยให้ภายหลัง)

(วิจารณ์: ชวนให้คิดง่ายๆว่า บางทีการเมืองไทยใช้ความสวยแข่งกับความหล่อ ถ้าพรรคเพื่อไทยส่งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ไปแข่งกับนายอภิสิทธิ์ พรรคเพื่อไทยอาจแพ้ก็ได้)

ความเป็นกลางและความมีน้ำใจนักกีฬากับระบอบประชาธิปไตย
-โดยหลักการฝ่ายค้านต้องค้านอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่
-สมาชิกวุฒิสภา(สว.) รสนา โตสิตระกูล พรรคเพื่อไทยอย่าสำคัญตนผิดว่าได้เสียงข้างมากแล้วจะเป็นเผด็จการรัฐสภา แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

การเปรียบเทียบจริยธรรมของสื่อต่างประเทศ(4กค.54)
สำนักข่าวซินหัว(จีน)  นายกฯหญิงอายุน้อยที่สุดในโลก นายกฯหญิงคนที่16ของโลก
Wall Street Journal การแบ่งขั้วยังอยู่ ระบบอุปถัมภ์และการซื้อเสียงยังมี  ประเทศไทยบรรลุถึงการปกครองที่เป็นของคนส่วนใหญ่
BBC ยิ่งลักษณ์ต้องรับภาระหนัก ใช้นโยบายเดิมของพตท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องพิสูจน์ว่าสามารถนำรัฐบาลได้ด้วยตนเอง ต้องสลัดภาพการนิรโทษกรรมออกไป
Bloomburg(USA) หุ้นไทยขึ้น เดือนที่แล้วนักลงทุนขายหุ้นทิ้ง สังคมไทยจะมีเสถียรภาพอีกครั้ง
ธนาคารUOB ชัยชนะของเพื่อไทยจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอีกครั้ง หุ้นไทยจะปรับขึ้น3%

สื่อต่างชาติวิจารณ์ว่า ภาพที่อภิสิทธิ์ออกไปหาเสียงหรือพบปะกับประชาชนนั้น บางภาพไม่เป็นธรรมชาติ บางภาพมีอาการเคอะเขิน ภาพทำนา/อุ้มเด็กเหมือนฝืนใจตนเอง สื่อสิงค์โปร์ว่า เก้ๆกังๆ ถ้าไปลุยโคลน

นโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาท กับจริยธรรมในสื่อ
รายการครบมุมมอง TNN24 (5กค.54) ย่างก้าวใหม่ประเทศไทย
            ธุรกิจในประเทศไทยให้ผลตอบแทนดี แต่มีปัญหาเรื่องการกระจายรายได้ การประกันราคาข้าวเกวียนละ 25,000 บาทใครว่าจะทำให้ประเทศไทยล่มจม ไม่จริง ขึ้นค่าแรงเป็นวันละ300 บาท ใครว่าไม่ได้ ตอบว่าได้ แต่ต้องประสานงานกับเอกชนให้ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิ่มผลผลิตและการเพิ่มประสิทธิภาพทั่วประเทศเพื่อสร้างผลกำไรให้มากขึ้น จากนั้นจึงนำผลกำไรมาแบ่งเพิ่มเป็นค่าแรง การลดภาษีนิติบุคคล(จาก 30 % เหลือ 23%)
          ไทยมีรายได้มวลรวมประชาชาติ 10 ล้านล้านบาท มีหนี้ประชาชาติ 40 % ของGDP ถือว่าไม่มาก ขณะที่ USA มีหนี้ 100% ประเทศอื่นๆ มีหนี้ประชาติ 60-70 % แต่ละปีเราจ่าหนี้สาธารณะ ประมาณ หนึ่งแสนล้านบาท ถือว่าเก่งมาก
          รัฐต้องช่วยให้เอกชนเข้มแข็งแบบเกาหลีโดยส่งเจ้าหน้าที่รัฐไปประกบเอกชนเพื่อดูว่าจะช่วยเอกชนด้านใดได้บ้าง เพื่อให้เอกชนเข้มแข็ง เมื่อเอกชนกำไรรัฐก็มีรายได้กลับคืนมาในรูปภาษี เกิดการจ้างงาน เชื่อมั่นว่าฝ่ายค้านจะคอยกำกับดูแลไม่ให้รัฐบาลออกนอกลู่นอกทางและ ต่อไปรัฐก็จะอัดฉีดโครงการต่างๆน้อยลงไปเอง
สื่อมุ่งผลประโยชน์จากส่วนแบ่งSMS
สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เรื่องเล่าเช้านี้
“ท่านผู้ชมสามารถร่วมจัดรายการกับผมได้ นี่ผมลืมเลย... บอกจังหวัด ตำบล อำเภอ” มีอะไรจะเล่าจะบอกก็เชิญได้ มีเสื้ออภินันทนาการเหมือนเดิมครับ
(วิจารณ์: พูดเหมือนไม่ตั้งใจจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ชมส่งSMS  หรือ เหมือนไม่สนใจผลประโยชน์จากส่วนแบ่งSMS)
วิจารณ์การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพิทยะ ศรีวัฒนสาร
นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จาก 215 บาท เป็น 300 บาท ทั่วประเทศ ของพรรคเพื่อไทย กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาค่าแรง นักวิชาการกระบอกเสียงนายทุน และนายทุนจำนวนหนึ่ง  ประเด็นหลักคือ เป็นการบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆในภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติหนีไปลงทุนในเวียดนาม ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย จีน  หรือ อินเดีย  ฯลฯ  นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดปัญหาของแพงและปัญหาเงินเฟ้อตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และอาจถึงขั้นทำให้หลายบริษัทต้องลดการผลิต หรือ  SME อาจปิดกิจการไปเลยก็มี  ฯลฯ นักวิชาการบางคนบอกว่า ค่าแรงวันละร้อยกว่าบางแห่งก็อยู่ได้อย่างสบาย บ้างก็อ้างสถิติว่าทุนนอกจะหายไป 25 % ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินหายไปปีละนับแสนล้านบาท
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2553 สำนักข่าวต่างประเทศหลาย ทั้ง บีบีซี.ของอังกฤษ ซีเอ็นเอ็น.ของสหรัฐฯ และเอเอฟพี.ของฝรั่งเศส ต่างประโคมข่าวสลดเรื่องการพบซากทารกจำนวนมากกว่า 2,000 ร่างในวัดแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ โดยระบุว่า เป็นคดีประหลาดที่มีการพบศพทารกจำนวนมากพร้อมกันในคราวเดียวครั้งแรกๆของโลก (http://news.mthai.com/general-news/94764.html)   โดยไม่ต้องตั้งคำถามเพิ่มเติมอีกเลยว่า แล้วจะมีศพทารกอีกกี่หมื่นกี่แสนรายที่ได้รับผลกระทบจากการทำแท้งอย่างลับๆ โดยที่ไม่มีการค้นพบหลักฐานโจ่งแจ้งเช่นนี้
ถามว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องน่าสลดใจในเมืองศูนย์กลางแห่งหนึ่งทางพุทธศาสนาเช่นนี้  นักวิชาการทางด้านสังคมอาจจะตอบว่า  เพราะกระแสวัฒนธรรมจากต่างประเทศไหลบ่าเข้ามา ทำให้วัยรุ่นไทยไม่ใส่ใจในความเป็นไทย  ไม่รักนวลสงวนตัว และคลั่งไคล้วัตถุนิยม ฯลฯ  ส่งผลให้มีการแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรด้วยการทำแท้ง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอีกแง่มุมหนึ่งจะพบว่า ปัญหาสำคัญที่สุดของการทำแท้งในหมู่วัยรุ่น วัยแรงงานจำนวนหนึ่ง  คือ ความไม่พร้อมในการมีครอบครัวและการขาดความสามารถในการเลี้ยงดูมารหัวขน(ทารกที่กำลังจะเกิดใหม่) เนื่องจากวัยรุ่นส่วนหนึ่งเป็นแรงงานที่มีค่าแรงต่ำเพียงวันละ 200 บาทเศษนั่นเอง
หากคู่รักมีรายได้ขั้นต่ำอย่างน้อยคนละ 300 บาท x  2  คน รวมแล้ว ก็มีรายได้ประมาณ 12, 000 บาท ต่อเดือน คุณภาพชีวิตของพวกเขาก็คงจะดีขึ้น ซึ่งย่อมจะส่งผลให้คู่รักมีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการวางแผนครอบครัว ก่อนที่จะทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมและขาดศีลธรรมอันดี
หากบรรดานายทุน อาทิ ประธานเครือบริษัทสห.......ประธานสภาหอการ......นักวิชาการในกะลาและสื่อมวลชนบางค่าย อาทิ ฯลฯ หันไปมองอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศเพื่อนบ้านของเรา อาทิ มาเลเซียจะพบว่า แม้จะมีอัตราไล่เลี่ยกัน แต่มาเลเซียก็มีปัจจัยหนุนเรื่องราคาน้ำมันที่ต่ำกว่าไทยทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพที่ดีกว่าแรงงานไทยมาก การอ้างว่า หากรัฐบาลมีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำจาก 215 บาท เป็น 300 บาทต่อวันจะทำให้ทุนนอกหนี ของแพงและเงินเฟ้อ ทั้งๆ ที่ในช่วงที่ผ่านมาพ่อค้าและนายทุนต่างก็สะสมความมั่งคั่งมานานนับร้อยปี พอลูกจ้างจะขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำบ้างกลับอ้างผลกระทบหลายอย่างทั้งที่จะเกิดกับกลุ่มทุนพวกเดียวกับตนและกลุ่มทุน(กระสือ)ต่างชาติที่เข้ามาสูบเลือด สูบกำไรจากเรือนร่างผ่ายผอมของคนงานไร้ฝีมือ และพยายามที่จะตรึงอัตราค่าแรงขั้นต่ำไว้ให้ขยับได้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  จนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นกำแพงแนวคิดที่เปรียบเสมือนการปิดหูปิดตาไม่รับรู้ถึงต้นตอปัญหาที่เกิดจากค่าแรงขั้นต่ำที่ทำให้คนงานไร้ฝีมือไม่สามารถสะสมทุนเพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของเขาได้อย่างเหมาะสม  เท่ากับว่าโดยทางอ้อมแล้ว พวกท่านที่ตีโพยตีพายขัดขวางการขึ้นค่าแรงด้วยสารพัดเหตุผลเหล่านั้น ล้วนมีส่วนสนับสนุนและส่งเสริมการฆ่า หรือ การทำแท้งเถื่อนให้มีอยู่ต่อไปในสังคมไทยโดยไม่ใส่ใจเหลียวแลเพื่อนร่วมชาติที่อุทิศแรงกายแรงใจรับใช้บริษัทของตน
หากรัฐบาลยืนกรานใช้นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ต่อวันจริงๆ อย่ากลัวเลยว่าทุนนอกจะหนีออกไปเวียดนาม ลาว  เขมร  จีน หรือ อินโดนีเซียตามคำขู่ของนักวิชาการที่ไม่เคยคิดนอกกรอบ  เพราะพวกเขาจะต้องไปลงทุนในการสร้างระบบสาธารณูปโภคใหม่อีกด้วยเม็ดเงินมหาศาล  และประการสำคัญที่สุด คือ ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องการเป็นที่ตั้งของเมืองศูนย์กลางทางการค้าและการท่องเที่ยวมานานนับพันๆปี  รถไฟความเร็วสูงจากจีนก็กำลังจะมาถึงกรุงเทพฯเพื่อแล่นผ่านไปสิงคโปร์ในอีกไม่กี่อึดใจ จึงไม่ต้องเกรงว่าทุนนอกจะแห่กันหนีไปแต่อย่างใด 
การที่มีการอ้างว่าผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท จะทำให้ต้องขึ้นค่าแรงให้แก่ลูกจ้างระดับกลางและระดับขึ้นไปอีกเป็นลูกระนาดก็ไม่ใช่ประเด็นปัญหาสำคัญ เพราะพรรคเพื่อไทยหาเสียงกับลูกจ้างระดับรากหญ้า คนที่เลือกพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่จึงมิใช่ชนชั้นกลางหรือผู้ดีมีความรู้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ลูกจ้างอีกระดับหนึ่งจะพลอยเข้ามาผสมโรงสรวลเสเฮฮาขอขึ้นค่าแรง เพื่อกวนกระแสแบบตีปลาหน้าไซ จนไม่สามารถทำงานตามนโยบายตอบสนองความต้องการของคนงานระดับล่าง
มองสื่อและอนาคตประเทศไทยกับปราชญ์5คนของสยาม, Thai PBS (21.00น.7กค.54 )
-สุลักษณ์ ศิวรักษ์ สื่อแบบนายทุนฉายาเฒ่าสารพัดพิษ(มรว.คึกฤทธ์ ปราโมช)อายุครบ100ปี ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก
-รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม ประชาชนมาสื่อความคิดความเห็นความต้องการแบบประชาพิจารณ์/ ประชาประจาน แล้วสื่อแบบThai PBSก็นำไปขยายต่อ
ศ.ดร.ระพี สาคริก  สื่อควรอ่อนน้อม ไม่ก้าวร้าว ไม่ทำตัวเป็นกบในกะลาครอบ
ศ.ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง สื่อให้ความสำคัญกับนายทุนที่อุดหนุนโฆษณาละครน้ำเน่ามากเกินไป ควรเพิ่มสารคดีให้คนไปคิด ย่อมจะเกิดผลดีต่อสังคมมากกว่า อย่าหวังเพียงค่าโฆษณา

22 กค 54 Nation TV   จริยธรรมของสื่อกรณี News of  the World ของเจ้าพ่อสื่อ Rupert  Murdoch”
พิธีกร จอมขวัญ หลาวเพ็ชร  วิทยากรรับเชิญ วสันต์ ภัยหลีกลี้ และสุภิญญา กลางณรงค์
(กรณีการดักฟังโทรศัพท์ของเด็กหญิงที่ถูกจับเรียกค่าไถ่ ต่อมาเด็กถูกฆ่าตาย)
การขาดจริยธรรมของสื่อจะทำให้ สังคมกดดันด้วยการระงับโฆษณาจนต้องประกาศปิดตัวเอง  สังคมไทยตื่นตัวมากขึ้นเรื่องจริยธรรมของสื่อ รั้วของสังคมไทยมีหลายรูปแบบ หากสังคมมีความแตกแยกจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร เคารพความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายอย่างไร เสรีภาพตรวจสอบนักการเมือง สื่อสิ่งพิมพ์ทำได้ดี แต่สื่ออินเตอร์เนตไม่ได้เพราะมีมากมาย
-คนข่าว แหล่งข่าว การหาข่าวของNews of the World ขัดจริยธรรมเพราะมีการดักฟังทางโทรศัพท์ เลยเป็นการทำลายตนเอง
-สื่อสิ่งพิมพ์ มีคณะกรรมการของสมาคมจริยธรรมหนังสือพิมพ์ควบคุมจริยธรรม
-สื่อวิทยุและโทรทัศน์ มีคณะกรรมการสมาคมผุ้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ควบคุมจริยธรรม
-การคุยกับคนโดยแอบถ่ายขณะที่เขาไม่รู้ตัว ไม่ควรทำ ยกเว้นการหาหลักฐานเปิดโปง โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะมากที่สุด
จอมขวัญ หลาวเพ็ชร : ถึงเวลาแล้วยังที่สื่อจะเลือกข้าง
วสันต์  ภัยหลีกลี้ : สื่อที่อังกฤษเลือกข้างชัดเจน ในไทยอาจเลือกข้างได้ แต่ไม่ใช่ทำแบบอีแอบ
สุภิญญา กลางณรงค์ : เดิมสื่อไทยกระมิดกระเมี้ยน ตอนนี้ก้าวกระโดด เลือกข้างชัดเจน แต่สื่อก็ควรกำหนดจริยธรรม อย่าใช้เสรีภาพคุกคามผู้อื่น  บทบรรณาธิการควรมีความเป็นกลาง ไม่ใส่ร้ายป้ายสี ไม่พูดข้างเดียว ไม่ล้ำเส้น แต่มิได้หมายความว่าเลือกข้างไม่ได้

(ประวัติการเลือกข้างพรรคการเมืองของสื่ออาจจะเริ่มตั้งแต่สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต่อมาถึงยุคสยามรัฐของคึกฤทธิ์ บ้านเมืองของบรรหาร การซื้อหุ้นมติชนของบรรหาร แนวหน้าของนต.ประสงค์ สุ่นศิริ  โพสต์ ทูเดย์ของเครือเซ็นทรัล TNN24ของเครือ CP)

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

จะเริ่มต้นสร้างสรรค์งานเทศกาลภาพยนตร์ของคุณเองได้อย่างไร

ของ มิเชลล์ สเวนสัน(Michelle Swenson) พิมพ์เผยแพร่ใน
http://koreanfilm.org/startfest.html
) เมื่อ วันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2001
แปลและเรียบเรียงโดย นางสาว ปิ่นมยุรฉัตร ศรีวัฒนสาร
นักศึกษาชั้นปีที่4 ภาควิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง)


เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ งานเทศกาลภาพยนตร์ขนาดเล็ก อาทิ งานซับเวย์ ซิเนมา(Subway Cinema) ในนิวยอร์ค หรือ งานบรอดเวย์ ซิเนมาเทก(Broadway Cinematheque) ในฮ่องกงเป็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนบทบาทในการนำภาพยนตร์จากชาติอื่นๆ มานำเสนอต่อสายตาของผู้ชมหน้าใหม่ ในบรรดาเทศกาลภาพยนตร์เหล่านี้ปรากฏว่าผู้จัดจำนวนมากมิได้เป็นพวกมืออาชีพ แต่กลับเป็นบุคคลทั่วไปที่มีความลุ่มหลงในศิลปะแขนงนี้ สำหรับท่านที่สนใจจะเริ่มต้นสร้างสรรค์งานเทศกาลภาพยนตร์ด้วยตนเอง หรือ ท่านที่ใคร่รู้ว่างานเทศกาลภาพยนตร์จัดขึ้นได้อย่างไร บทความนี้จะมีแนวทางที่เกี่ยวกับคำแนะนำ ประสบการณ์และการให้กำลังใจมานำเสนอ

ขั้นตอนที่1 (PHASE 1: PRE-PRODUCTION.)
เมื่อเตรียมความคิดพร้อมแล้วก็มีงานใหญ่หลายอย่างที่จะต้องทำ ดังนี้
อันดับแรก(section 1) การทำรายการ(list) เพื่อให้กระบวนการผลิต(production) มีความเป็นไปได้
ระยะเวลาเตรียมการ(Time line): ประมาณ 1 ปี 6 เดือน ก่อนงานเทศกาลภาพยนตร์จะเปิดตัว
องค์ประกอบสำคัญของการจัดเทศกาลภาพยนตร์ ได้แก่
· เจ้าหน้าที่(staff) อย่างน้อย 2 คน (ไม่รวมผู้จัดงาน)
· ภาพยนตร์คุณภาพ (good films)
· สถานที่จัดฉายภาพยนตร์ (Screening venue)
· เงิน(Money)
ฟังดูน่าจะง่าย ใช่มันเป็นเรื่องง่ายจริงๆ ปัจจัยทั้ง 4 ข้อเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
องค์ประกอบที่1 เจ้าหน้าที่(staff) มักจะเป็นเรื่องไม่ยากในการหาคนที่ยินดีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นขึ้นทำงานแบบไม่ต้องจ่ายค่าแรง คุณจำเป็นต้องหาเพื่อนร่วมงานที่มีเป้าหมายในการทำงานแบบจริงจังและลุ่มหลงในงานพอๆกับตัวคุณเอง การตระหนักรู้ในเป้าหมายของโครงการจะมีประโยชน์ต่อผู้ร่วมงาน โดยเฉพาะถ้างานเทศกาลของคุณได้กลายเป็นเทศกาลพิเศษประจำปีที่ผู้คนจากทุกมุมโลกตั้งความคาดหวังอย่างสูงเอาไว้ บรรดาผู้ที่มีส่วนช่วยคุณริเริ่มจัดเทศกาลภาพยนตร์ ควรจะได้รับการพิจารณาให้เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งในงานเทศกาลภาพยนตร์นั้น ตราบเท่าที่พวกเขามีส่วนช่วยเหลืออย่างแท้จริงให้งานบรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ คุณก็อาจจะสามารถเสนอร้อยละของส่วนแบ่งจากผลกำไรตลอดการจัดงานให้แก่พวกเขาได้ โดยขึ้นอยู่กับรายได้รวมของเทศกาล แน่นอนระยะเริ่มต้นนั้น ส่วนแบ่งก็จะเป็นเพียงตัวแปรที่มีความหลากหลาย


องค์ประกอบที่2 ภาพยนตร์คุณภาพ ขึ้นอยู่กับคุณจะพิจารณาว่าภาพยนตร์คุณภาพ คือ อะไร จากนั้นก็คัดเลือกภาพยนตร์ที่คุณรู้จักมาประมาณ 5-10 ประเภท(types) แล้วจึงสืบค้นภาพยนตร์เรื่องอื่นที่มีแนวเรื่องคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์อิสระทั้งหลายของเกาหลี ภาพยนตร์ตลกทั้งหมด ภาพยนตร์แนวสิทธิมนุษยชน(Human rights subject) หรือ แม้แต่ภาพยนตร์ใหม่(new releases) ของปีที่ผ่านมา เพื่อใช้บอกกรอบการนำเสนอในงานเทศกาลภาพยนตร์ของคุณ แหล่งสืบค้นที่ดีที่สุด คือ ข้อมูลการจัดฉายภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ของเทศกาลภาพยนตร์ปีที่ผ่านๆ มา นอกเหนือจากการสืบค้นโปรแกรมของเทศกาลภาพยนตร์ที่คุณเคยชื่นชอบมาก่อน โทรศัพท์หาหรือเขียนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานของเทศกาลภาพยนตร์เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่คุณต้องการจะนำมาจัดฉาย บางทีพวกเขาอาจจะแนะนำให้คุณติดต่อกับผู้สร้างภาพยนตร์โดยตรงก็ได้ แหล่งสืบค้นอื่นๆ รวมถึง ข้อมูลจากซอล์ฟแวร์ของเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ( computer databases) ซึ่งบรรจุบทความจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆไว้จำนวนมาก ถ้าคุณไม่สามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ซอล์ฟแวร์ใดๆ ได้ ก็ลองใช้แหล่งเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผู้เขียนชอบใช้ประจำ คือ Lexis/ Nexis ซึ่งเป็นระบบห้องสมุดของมหาวิทยาลัยทั่วไป ระบบอินเทอร์เนตเป็นแหล่งสืบค้นที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับแหล่งสืบค้นประเภทอาจารย์และนักวิจารณ์ภาพยนตร์ แน่นอนคุณควรจะติดต่อกับองค์กรจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ที่คุณสนใจ เพราะไม่เพียงแต่เขาจะช่วยคุณค้นหาภาพยนตร์ที่คุณสนใจ พวกเขายังอาจจะเป็นหุ้นส่วนผู้ทรงคุณวุฒิในงานเทศกาลของคุณ ได้ด้วย


องค์ประกอบที่ 3 (Screening venue) ขั้นตอนนี้ ควรจะต้องมีความคิดเอาไว้ได้แล้วว่า งานเทศกาลประเภทไหนที่ต้องการจะจัดขึ้น ช่วงเวลานี้จึงเหมาะที่จะเริ่มต้นการเขียนจดหมายเสนอทำโครงการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ จดหมายนี้จะอธิบายแผนการจัดงาน(the event) ขอบเขตของการจัดงาน ประเภทของผู้ชมที่ตั้งเป้าเอาไว้ และงบประมาณที่จะใช้ในการจัดงาน โครงสร้างของข้อเสนอ( the proposal structure) เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเขียนจดหมายเพื่อขอการสนับสนุนในโครงการ คุณสามารถที่จะหารูปแบบข้อเสนอโครงการที่หลากหลายได้จากหนังสือคู่มือการสร้างภาพยนตร์(filmmaking guidebooks) หนึ่งในจดหมายขอรับการสนับสนุนโครงการจัดเทศกาลภาพยนตร์ฉบับแรกๆเป็นการส่งถึงเจ้าของสถานที่จัดฉายภาพยนตร์ หลังจากนั้นก็ติดตามจดหมายดังกล่าวโดยการเชิญผู้จัดการโรงภาพยนตร์โดยตรงเพื่อมาร่วมกันพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการ “แบ่งเทศกาลภาพยนตร์” ไปฉายในโรงภาพยนตร์ของพวกเขา มีเหตุผลสำคัญ 3 ประการที่จะอธิบายว่าเหตุใดคุณจึงต้องร่วมมือกับผู้จัดการโรงภาพยนตร์ พยายามอย่าคุยรายละเอียดทางโทรศัพท์ มากนัก แต่ควรจะคุยรายละเอียดกับพวกเขาระหว่างการร่วมดื่มกาแฟ หรือ ขณะร่วมรับประทานอาหารกลางวัน วิธีนี้คุยจะเห็นปฏิกิริยาของกันและกัน และยังอาจได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นใหม่ๆ ซึ่งกันและกันเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านของการมีโอกาสที่ดีที่สุดในการได้พบและต้อนรับผู้อื่นเข้ามาอยู่ในชุมชนภาพยนตร์ท้องถิ่นถิ่นของคุณ(local film community) และการเข้ามานั่งอยู่ด้วยกันจะสามารถช่วยให้เห็นข้อดีของการจับมือกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายได้


การแสวงหาการสนับสนุนทางการเงินก็ต้องก้าวผ่านกระบวนการเดียวกัน การมองไปที่สถาบันทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีเงินสนับสนุนโครงการ แต่องค์กรเหล่านั้นอาจแบ่งปันพื้นที่สื่อ หรือ สมาชิกฐานข้อมูล(press or member databases)ของพวกเขา หรือ บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทางการเงิน(sponsor) หรือ เป็นผู้นำเสนอ(presenter) ที่เทศกาลของคุณ ซึ่งพวกเขามีส่วนร่วมโดยการส่งนักประชาสัมพันธ์ของพวกเขาเข้ามาร่วมงานในนามของเทศกาลกาลภาพยนตร์ของคุณ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถที่จะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการประหยัดงบประมาณ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากพวกเขา ขอให้คิดอย่างสร้างสรรค์ วิธีที่ดีที่สุดที่ผู้เขียนมักใช้เสมอในการให้หน่วยงานใดๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ คือ การแต่งตั้งให้เขาเข้ามาเป็นเจ้าภาพร่วม อาจจะเป็นเจ้าภาพร่วมในคืนวันเปิดงานหรือวันปิดงานก็ได้ เพื่อเขาจะได้มีส่วนในการสนับสนุนอาหารหรือเครื่องดื่ม บางทีแม้แต่ในการออกบัตรเชิญ ก็อาจจะใส่ชื่อหน่วยงานของพวกเขาลงไปในสื่อสิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ด้วยก็ได้ อีกวิธีที่ดีในการทำงานร่วมกันคือการมีองค์กรอื่นอีกต่างหากในการสร้าง (หรือสนับสนุนด้านการเงิน) แก่คณะกรรมการพิจารณา(panel discussion) หรือ การประชุมเชิงปฏิบัติการ ด้านภาพยนตร์(film workshop)ในงานเทศกาลของคุณ จึงเห็นได้ว่า มีหลายวิธีในการที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนกันได้


การขอความสนับสนุนในด้านของรางวัลสำหรับเทศกาลภาพยนตร์ น่าเศร้าที่จะต้องบอกว่า หนทางที่ง่ายที่สุดในการจะได้เงินมาสนับสนุนมาจากบริษัทที่มักถูกมองว่าเต็มไปด้วยความขัดแย้ง หรือ มีเรื่องเกี่ยวกับการฉ้อฉล ในลักษณะนี้ ถ้าคุณกำลังผลิตงานเกี่ยวกับเทศกาลภาพยนตร์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็อย่าไปขอรับการสนับสนุนจากบริษัทน้ำมัน น่าสังเกตเป็นอย่างยิ่งว่า ขึ้นอยู่กับศีลธรรม(morals)ของคุณที่จะผลักดันให้คุณเดินไปหาบริษัทประเภทใดให้มาสนับสนุนทางการเงินให้คุณ นี่เป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ก็อยากจะเตือนให้เห็นว่า มีบริษัทประเภทใดบ้างที่ต้องการจะให้ชื่อบริษัทของตนปรากฏอยู่ในเทศกาลภาพยนตร์ อีกประการหนึ่งขอให้จำไว้ว่า เงินของผู้สนับสนุนทั้งหลายนั้นล้วนมาจากฝ่ายการตลาดของเขา หรือ อย่างน้อยก็ออกมาจากการส่งเสริมของฝ่ายการตลาด นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ขอให้พึงตระหนักไว้ว่า พวกเขาก็มีกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดขนาดใหญ่ที่ต้องการเข้าถึงอยู่แล้ว ผู้ชมงานเทศกาลภาพยนตร์ของคุณอาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาก็ได้ ถ้าผู้ชมงานเทศกาลภาพยนตร์เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางการตลาดของผู้สนับสนุนทางการเงิน พวกเขาก็อาจจะเป็นเพียงเป้าหมายขนาดเล็ก โดยทั่วไปการสนับสนุนด้วยของรางวัลจะดำเนินการล่วงหน้าไปแล้วนานนับปีภายใต้การดำเนินการขอรับการสนับสนุน หลายบริษัทวางแผนล่วงหน้าแล้วว่า พวกเขาจะต้องสนับสนุนกิจกรรมเทศกาลภาพยนตร์ครั้งหนึ่ง สนับสนุนกิจกรรมทางด้านมนุษยธรรมครั้งหนึ่ง สนับสนุนกิจกรรมกีฬาครั้งหนึ่ง เหตุนี้จึงจำเป็นต้องแจ้งแนวของภาพยนตร์ไปก่อนหน้าเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน เพื่อขอรับการสนับทางการเงินจากบริษัทของสปอนเซอร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำหนดเวลาในการเปิดรับข้อเสนอการขอรับการสนับทางการเงินในแต่ละปีของบริษัทสปอนเซอร์ด้วย เพราะบางทีเงินสนับสนุนทางด้านศิลปะอาจถูกใช้ไปแล้วก่อนหน้าที่คุณจะเข้าไปติดต่อก็ได้ บริษัทสปอนเซอร์มักจะไม่เริ่มให้การสนับสนุนทางการเงินในช่วงต้นของปีงบประมาณ หรือ ตอนต้นปี เพื่อเป็นหลักประกันแห่งความสำเร็จที่มากและดีที่สุด จึงต้องเริ่มต้นแสวงหาการสนับสนุนทางการเงินก่อนกำหนดการเปิดเทศกาลภาพยนตร์ของตนเป็นเวลานานถึง 1 ปี กับอีก 6 เดือน


อย่ามองข้ามธุรกิจขนาดเล็กลงมา การได้รับเงินสนับสนุนเล็กๆน้อยสามารถทำได้ง่ายกว่า การขอรับการสนับสนุนด้านอาหารจากภัตตาคารในย่านใกล้เคียง ใครก็อยากบริจาคเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับการที่จะให้ชื่อเสียงของพวกเขาปรากฏแก่สาธารณะอย่างคุ้มค่า ขอให้มีความมั่นใจในการเข้าหาแหล่งเงินสนับสนุน คุณมีโครงการสำคัญในมือ และจนกว่าพวกเขาจะเชื่อถือในความมั่นใจของคุณ คุณจึงจะก้าวถึงระดับแห่งความสำเร็จที่สุดเพียงพอที่จะได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ภาพยนตร์มีเสน่ห์เสมอสำหรับบุคคลทั่วไป ไม่ว่าพวกเขาจะบริจาคเงินมากหรือน้อย การมีส่วนร่วมในงานภาพยนตร์และดาราภาพยนตร์ต่างก็มีส่วนสนับสนุนแก่สปอนเซอร์ทั้งสิ้น


การขอรับทุน ควรเน้นใบสมัครที่ดูดี เนื่องจากผู้ให้ทุนจะให้ความสำคัญแก่องค์กรที่มีสถานภาพเป็นผู้ไม่ไม่แสวงหาผลกำไรเป็นอันดับต้นๆ การมีสถานภาพขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจะมีส่วนช่วยเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ดำเนินการตามนี้ก็ควรมีเวลาสักอย่างน้อย 2 ปี ก่อนเวลาเปิดงานเทศกาล


การหาเงินเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าได้เงินมาแล้ว คุณก็สามารถที่จะเริ่มต้นพัฒนางานเทศกาลภาพยนตร์ของคุณได้อย่างเป็นรูปธรรม คุณจะรู้ได้ทันทีว่าจะต้องใช้เงินเท่าใดในการทำโครงการ
อันดับแรก(section 2)
Timeline: อย่างน้อย 8 เดือนก่อนถึงวันเปิดเทศกาลภาพยนตร์
คุณจะสามารถฉายภาพยนตร์ได้กี่เรื่อง
1 .ประเภทของภาพยนตร์ที่จะฉายจะช่วยให้คำตอบแก่คุณในประเด็นนี้; ภาพยนตร์ทั่วไปจะมีความยาว เฉลี่ย90 นาที ภาพยนตร์เรื่องยาวจะฉายนาน 120 นาที ภาพยนตร์สั้นและสารคดีจะฉายนาน 3 - 60 นาที
2.สถานที่จัดฉายภาพยนตร์ พวกเขาเตรียมการอย่างไรบ้างสำหรับการฉายภาพยนตร์(ในแง่ของอุปกรณ์และเครื่องฉายภาพยนตร์) มีห้องฉายภาพยนตร์กี่ห้อง แต่ละห้องมีความสามารถในการรองรับผู้ชมได้กี่คน คุณมีเวลารวมในโรงฉายภาพยนตร์ทั้งหมดกี่ชั่วโมง


คุณจะมีขั้นตอนในการรับสมัครภาพยนตร์เข้ามาร่วมฉาย (Call for Entry process )หรือไม่
1.เขียนชื่อภาพยนตร์ในรายการภาพยนตร์ที่จะฉายในงานเทศกาลของคุณ และพิมพ์แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการสืบค้นก่อนที่กระบวนการคัดเลือกจะแล้วเสร็จ(ข้อมูลเหล่านี้ประกอบด้วย ข้อมูลสำหรับผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย ภาพนิ่งจากภาพยนตร์ ข้อมูลทั้งหมดที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาพยนตร์ ได้แก่ ปีที่ถ่ายทำเสร็จ ความยาวของภาพยนตร์ ข้อมูลรูปแบบของภาพยนตร์(it’s available formats) รวมถึงวิดีโอเทปสำหรับการชมของผู้จัดเทศกาลเอง เพราะเมื่อถึงคราวจะต้องส่งคืนภาพยนตร์หลังจบงานเทศกาล หากบังเอิญมีการระบุว่า ฟิล์มภาพยนตร์ได้รับความเสียหายระหว่างนำส่งมาถึงมือผู้จัดเทศกาล คุณอาจจะจำเป็นต้องแสดงหลักฐาน และวิดีโอเทปอาจใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ แม้ว่าคุณภาพจะไม่ดีนัก และคุณอาจจะจำเป็นต้องมีการถ่ายทำวิดีโอเพื่อประชาสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน
2.ประชาสัมพันธ์การขอเข้าร่วมฉายภาพยนตร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
จะเลือกภาพยนตร์อย่างไรดี


1.คุณกำลังจะดูภาพยนตร์ทั้งหมดด้วยตนเองหรือเปล่า ขอแนะนำให้ตั้งคณะกรรมเลือกภาพยนตร์ เพื่อช่วยให้เกิดความหลากหลายของภาพยนตร์ และให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ขณะที่ในการคัดภาพยนตร์ออกไปนั้น คุณจะต้องนั่งดูด้วยตนเอง
2. ไม่ว่าคุณจะมีกระบวนการสมัครเข้าร่วมฉาย (Call for Entry process)หรือ คณะกรรมการคัดเลือกภาพยนตร์หรือไม่ ควรมีการพัฒนากลยุทธ์ในการชมภาพยนตร์และการตัดสินภาพยนตร์ตามเกณฑ์ ด้วย
ขั้นตอนที่2 ผลผลิตของงานเทศกาล (PHASE 2: PRODUCTION.)
Time-line: อย่างน้อย 6 เดือนก่อนการเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์


เมื่อคุณพร้อมที่จะคัดเลือกภาพยนตร์สำหรับการจัดฉายแล้ว ก็เท่ากับว่าคุณมาถึงขั้นตอนที่2 แล้ว การเลือกภาพยนตร์ก็เหมือนกับการเลือกพระเอกภาพยนตร์(actors) ผู้เล่าเรื่อง(narrators) หรือ เรื่องในการสร้างภาพยนตร์ของคุณเอง คุณอาจจะต้องการกำหนดวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับตนเองในการให้คะแนนหรือตัดสินภาพยนตร์ ถ้าหากคุณกำลังทำงานร่วมกับคณะกรรมการคัดเลือกภาพยนตร์ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องดูภาพยนตร์นั้นอย่างน้อย2-5ครั้ง เมื่อผลการพิจารณาคัดเลือกออกมาแล้วขอให้คำนึงถึงข้อสังเกตที่มีต่องบประมาณและแรงงานในโครงการ (เส้นตายของแต่ละภาระงานมีดังนี้)


ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์/ วิดีโอ (ถ้าผู้สร้างมิได้ให้ยืมมาแบบไม่คิดเงิน ซึ่งมีน้อย แต่ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย) Time-line: ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์


ค่าภาษีและธรรมเนียมการนำเข้าและส่งออกภาพยนตร์ (หากต้องนำเข้าหรือส่งออกภาพยนตร์หลังเทศกาล จะต้องมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการด้วย) Time-line: 3 เดือนก่อนเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์


งานออกแบบตัวอักษรของภาพยนตร์(graphic design) คุณต้องการให้มีการส่งเสริมเทศกาลภาพยนตร์ในรูปแบบใด ใครจะรับผิดชอบ จะต้องใช้งบประมาณมากน้อยเพียงใด (อาทิ การออกแบบโลโก้ โพสท์การ์ด แผ่นปลิว/flyers รายการฉายภาพยนตร์-programs ปฏิทิน/ calendars สื่อโฆษณา และเว็บไซต์) time-line: 4-5 เดือน ก่อนวันเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์


รายจ่ายเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ time-line: 2-8 เดือน ก่อนเปิดงานเทศกาล รายจ่ายเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์จะแตกต่างกันออกไป เช่น “save the date” post-cards (โพสท์การ์ดระบุวันจัดงาน) ควรสั่งพิมพ์ในช่วง 6 เดือนก่อนจัดงาน


ค่าใช้จ่ายทางด้านไปรษณีย์(postage costs) Time-line : ตลอดช่วงเวลาของการจัดงาน อย่างไรก็ตาม สำหรับจดหมายเชิญผู้เข้าชม ควรส่งประมาณ 2 เดือนก่อนวันเปิดงาน (นอกจากนี้ ในการเปิดแถลงข่าว อย่าลืมเชิญ ตัวแทนจากบริษัทที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินด้วย)


วัสดุสำนักงาน(office supply)


ของชำร่วยในงานเทศกาล (Festival gifts) เลือกว่าจะเอาอะไรบ้าง เช่น เสื้อยืด(T-shirt) โปสเตอร์ เข็มกลัด ปากกา ถุง(totes)


มีการจ้างเจ้าหน้าที่ประจำโรงภาพยนตร์ครอบคลุมจนครบแล้วหรือไม่ บุคลากรรับจองตั๋ว, พนักงานอำนวยความสะดวก / พนักงานรักษาความปลอดภัย สะอาด คนเดินตั๋ว พนักงานฉาย เจ้าหน้าที่บริการอาหาร-เครื่องดื่ม


Subtitle หรือ translators คุณต้องการแปลภาษาในภาพยนตร์หรือไม่ Time-line : 2- 3 เดือนก่อนวันเปิดงานเทศกาล

คำสำคัญที่จะต้องตัดสินใจ คือ คุณต้องการจะนำผู้สร้างภาพยนตร์ มาร่วมในงานเทศกาลภาพยนตร์ของคุณด้วยหรือไม่ (ซึ่งจะต้องคำนึงถึง การจัดรถรับ-ส่ง โรงแรม อาหาร ค่าเช่าลำโพง หรือ ค่าชดเชยในการเดินทางมาร่วมงาน/ honoraria ) ต้องจองโรงแรมล่วงหน้าหลายเดือน หลายห้อง มิใช่ทุกเทศกาลจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายที่ระบุเช่นนี้ทั้งหมด แต่ขอให้ระลึกไว้ว่า การสร้างภาพยนตร์เป็นสื่อที่มีค่าใช้จ่ายสูง และผู้สร้างภาพยนตร์อาจจะรับไม่ได้ที่จะต้องเดินทางไปไหนมาไหนโดยไม่มีค่ารับรอง หรือ เขาอาจจะมีชื่อเสียงมากเกินกว่าที่จะมาในที่เล็กๆแบบไม่มีค่าตอบแทน Time –line : 3-5 เดือน ก่อนเปิดงาน เพื่อเตรียมที่พักให้ผู้สร้างภาพยนตร์


ขั้นตอนที่ 3 (PHASE 3: THE FESTIVAL)
ช่วงเวลาแห่งการฉาย การพบปะผู้คนและการดำเนินกระบวนการสืบเนื่องในงานเทศกาลภาพยนตร์ของคุณ ช่วงนี้คุณอาจจะพบว่า คุณรับประทานอาหารมากหรือน้อยเกินไป ขอให้พกพาวิทยุสื่อสารตลอดเวลาทั้งคุณและสต๊าฟ ทุกอย่างขึ้นอยู่งานเทศกาลของคุณ และนี่คือสิ่งที่คุณทำอยู่ คุณสามารถใช้รายการที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ดีที่สุดของสิ่งที่คุณได้ ขอให้สนุกกับตัวเองในการรวบรวมผู้คนจากสถานที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน คุณกำลังจัดแสดงงานศิลปะที่คุณรักและอยู่กับคนที่กำลังดูดซับงานศิลปะอันนั้น คุณกำลังทำกิจกรรมให้บริการสาธารณะ คุณยังได้สร้างงานเทศกาลและได้เพื่อนใหม่ รวมถึงได้เป็นพยานแห่งการชุมนุมท่ามกลางบุคคลที่รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน


ละครชีวิตหรือละครตลก ต่างก็มีความสำคัญต่อชาวกรีกเช่นเดียวกับการเมือง ความหมายที่แท้จริงสำหรับละครคือ "การกระทำ" หรือ "ผลงาน" ตลกในภาษากรีก แปลว่า "komodia" มาจากรากคำว่า "komos" หมายถึงเทศกาล พวกเขาสร้างคำศัพท์เฉพาะเพื่อใช้ในโรงละคร โดยหากมิได้เน้นในเรื่องของมูลค่าแล้ว อย่างน้อยก็สามารถอธิบายถึงผลกระทบที่เกิดกับชีวิตของเราได้อย่างชัดเจน ไม่เพียง แต่คุณจะเป็นพยานนี้ในคนแรกเป็นผู้จัดงานเทศกาล แต่คุณจะรู้สึกมากเกินไปผลกระทบอย่างมากมายที่มีต่อความคิดและสติปัญญาของ มนุษย์ เราจำเป็นต้องแสดงละครและหนังตลกในชีวิตของเรา เพื่อที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ในการสะท้อนให้เห็นถึงเสียงหัวเราะหรือเพียงแค่ที่จะได้รับจากภาพยนตร์ ภาพยนตร์เปรียบเสมือนโรงละครครึ่งวงกลมสมัยใหม่​ ภาพยนตร์เป็นเหมือนอาหารสำหรับชีวิต และเทศกาลของคุณเป็นเช่นเดียวกับสิ่งที่ชาวกรีกจะได้รับ คือ เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนั่นเอง